LEANING RECORD 3
Monday 29 January 2018 (08.30-11.30 am)
Learning content & Learn more
Ø ทบทวนเนื้อหาที่เพื่อนนำเสนอ และย้ำ ซ้ำ ทวน เนื้อหาที่ให้เมื่อคาบที่ 1และ 2
Ø การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงต่อการทำงานของสมอง
หลักการเรียนรู้ของสมอง
- สมองเป็นอวัยวะ พิเศษ
ของร่างกาย ต้องการทั้ง อาหารกาย และ อาหารใจในสัดส่วนที่ ถูกต้อง เหมาะสม
ตลอดช่วงอายุ ตั้งแต่ อยู่ในครรภ์มารดา ถึง วัยชราสมองต้องการ อาหารใจทั้งใน
การเจริญเติบโต การเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้/การทำงาน ให้เต็มที่
- สมองเรียนรู้ได้ดีเมื่อมีความพร้อมครบทั้ง
3
ด้าน คือ
1) ความพร้อมด้านอารมณ์...เด็กเล็กต้อง เปิดสมอง/limbic ก่อนทุกครั้ง
2) ความพร้อมด้านองค์ความรู้...ความรู้ยาก/สูง เกินสมองเด็ก
3) ความพร้อมด้านพัฒนาการของสมอง...สมองส่วนหน้ายังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ - สมองเรียนรู้เต็มที่
เมื่อ สมองเปิด...limbic
system เปิด วิธีการเปิดสมองทำได้หลายวิธี เช่น นั่งสมาธิ
การเคลื่อนไหวประกอบบทเพลง ปรบมือเป็นจังหวะ เปิดโอกาสให้เด็กทำกิจกรรมที่ชอบ
สนใจ เพลิดเพลิน สุข สนุก
- องค์ความรู้
เดินทางเข้าสู่ สมองเด็กได้ หลายช่องทาง ในเวลาเดียวกัน...จากการ ได้เห็น
ได้ยิน ได้สัมผัส ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส และ ความสุขใจ พอใจ เช่น
เด็กทารกเรียนรู้เอกลักษณ์ของตัวแม่ได้ 6 ช่องทางพร้อมๆกันขณะที่กำลังดูดนมสมองเรียนรู้
จาก ของจริงไปหา สัญลักษณ์ และ จาก ง่าย ไปหา ยาก
- ความเข้าใจที่เกิดจากการสัมผัสตรงทางตา
ทางหู ผิวสัมผัสทางกาย การเคลื่อนไหว ทางจมูก ทางลิ้น และทางใจ
สมองเรียนรู้ด้วย ความเข้าใจมากกว่า ความจำ
- การเรียนรู้โดยไม่ตั้งใจ
ในทารก และเด็กเล็ก จะเป็นไปได้ง่าย รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ ละเอียด ลึกซึ้ง
กว้างขวาง มากกว่าเมื่อเด็กถูกบังคับให้เรียน ในเด็กเล็กช่องทางสำหรับการเรียนรู้มีเพียง
1
ช่องทาง เท่านั้น คือแบบไม่ตั้งใจ
เพราะสมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่บังคับให้เรียนรู้ยังเจริญเติบโต ไม่เต็มที่
.การเรียนรู้ในเด็กเล็ก จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดสมอง/เปิดลิมบิก
ก่อนเริ่มต้นเข้าสู่บทเรียนทุกครั้งสมองเรียนรู้ได้ 2 แบบ
..คือ ไม่ตั้งใจ เมื่อ สมองเปิด/ลิมบิกเปิด และ ตั้งใจ เมื่อถูกบังคับ
โดยพ่อแม่ ครู ผู้ปกครอง
- การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กที่ดีต้องให้เด็กได้เรียนรู้ครบทั้ง
6
ช่องทาง ถ้าไม่ได้ทั้ง 6 ช่องทาง
ได้เพียง 5, 4 หรือ 3 ช่องทาง
ยังดีกว่า 1 หรือ 2 passive learning คือ การเรียนรู้ที่เด็กนั่งฟังแต่ครูบรรยาย active learning คือ การเรียนรู้ที่เด็กได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ลองผิด
ลองถูก...ได้พูด ได้ขีดเขียน ได้ปั้น ได้แปะ ได้เคลื่อนไหว ได้สัมผัส
ได้ดมกลิ่น ได้ลิ้มรส สมองเรียนได้ดีจาก active learning มากกว่า passive learning
- BBL คือ การสร้าง การฝึกสมอง ให้สมองเรียนรู้การแก้ปัญหาได้ถูกต้อง
แม่นยำ เหมาะสม ทุกช่วงวัยของการเรียนรู้
และสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในวิชาชีพได้จริง
ในอนาคตการเรียนรู้การแก้ปัญหาในเด็กเล็กต้องเริ่มจากปัญหาง่ายๆ
ที่เด็กเล็กคนนั้นสามารถทำได้ก่อนทุกครั้งที่เด็กสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ
ก็มีอาหารใจเกิดขึ้น มีการหลั่งสารแห่งความสุข ...endorphin ออกมา เด็กก็จะมี พลังจิต พลังปัญญา ที่อยากจะแก้ปัญหาที่ยาก
และซับซ้อนมากยิ่งขึ้นๆ
สมองวัยอนุบาล
สมองมีระยะพัฒนาการต่างๆ กันในแต่ละวัย
หลักสูตรที่เหมาะกับแต่ละวัย ต้องสอดคล้องกับความต้องการของสมองระยะนั้น
- สมองของเด็กวัยอนุบาล
ส่วนรับสัมผัส และส่วนเคลื่อนไหว กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้
การจัดการเรียนรู้หรือการจัดประสบการณ์จึงเน้นเรื่องการพัฒนาระบบการเคลื่อนไหว
และระบบสัมผัส ในตารางกิจกรรมจึงจัดช่วงเวลาพัฒนาการของร่างกายไว้อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาทั้งสองระบบนี้
- สมองของเด็กในวัยอนุบาล
การติดต่อส่งผ่านข้อมูลต่างๆ ในสมองเป็นไปอย่างรวดเร็ว สมองซีกซ้าย, สมองซีกขวา, สมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว
และสมองส่วนควบคุมความรู้สึก ข้อมูลนำเข้าต่างๆ จะกระตุ้นให้สมองใช้ประโยชน์จากความเร็วนี้
แนวทางจัดการเรียนรู้ตามพัฒนาการ
แนวทางพัฒนาร่างกายและการเคลื่อนไหว
- เน้นให้เด็กฝึกเคลื่อนไหวร่างกายโดยใช้ทักษะเกี่ยวกับการเคลื่อนที่
เดิน วิ่ง กระโดด คลาน ปีน โยก เด้ง
- เน้นให้เด็กฝึกเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมอุปกรณ์
เช่น เชือก ลูกบอล
- เน้นให้เด็กฝึกการใช้สมดุลของร่างกาย
งอตัว ยืดตัว บิดตัว
- เน้นให้เด็กพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อละเอียด
เล่นอุปกรณ์ของเล่นที่พัฒนาระบบสัมผัส เช่น ร้อยลูกปัด บล็อก
- เน้นให้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นสนาม
และเล่นของเล่นหรืออุปกรณ์ต่างๆ
- เน้นให้เด็กฝึกบรรจุ
เท แยกชิ้นส่วน ประกอบเข้า เล่นน้ำ เช่น เทน้ำลงภาชนะรูปทรงต่างๆ
แนวทางพัฒนาภาษา
·
พัฒนาผ่านการ
- - อ่านให้ฟัง
- - อ่านด้วยกัน
- - อ่านเอง
·
เน้นให้เด็กพัฒนาทักษะการใช้คำพูดเพื่อสื่อสาร
- - พูดแสดงความรู้สึก
- - แสดงความคิดเห็น
- - เล่าเรื่องราวที่พบเห็นมา
- - เล่าสิ่งที่คิด
- - เล่านิทาน
·
เน้นจัดกิจกรรมให้เด็กเล่นกับเรื่องราวและภาษา
- - ต่อคำสัมผัสกลอน
- - ท่องบทร้องเล่น
- - เล่นกับคำที่สนุก ตลก และไม่จำเป็นต้องมีความหมาย
- - เล่นละคร
·
เน้นให้เด็กได้ฝึกเขียนตัวหนังสือและข้อความ
เมื่อเด็กพร้อม
- - เขียนอิสระ
- - เขียนสิ่งที่คิด
- - เขียนคำที่อยากเขียน
- - เขียนตามนิทานที่ชอบ
·
เน้นใช้บทเพลงและเรื่องเล่าของท้องถิ่น
เป็นสิ่งกระตุ้นให้เด็กสนใจพัฒนาภาษาของตนเอง
แนวทางพัฒนาด้านศิลปะ
- ศิลปะ คือ การคิดและจินตนาการออกมาเป็นภาพ
- เปิดโอกาสให้สมองลองจินตนาการ ว่า ถ้าเอาสิ่งนี้รวมกับสิ่งนั้น หรือสิ่งโน้น จะเกิดอะไรขึ้น หรือ
ถ้าทำแบบนี้ผลจะออกมาเป็นแบบไหน
·
ให้เด็กลองนำสิ่งที่สมองคิดอยู่ข้างใน
ถ่ายทอดออกมาด้วยมือ ให้ตามองเห็นว่านี่ใช่สิ่งที่คิดหรือไม่ ถ้ามือทำงานแบบหนึ่ง
ผลจะออกมาอย่างไร ผ่านการ
- - วาด
- - ปั้น
- - เป่าสี
- - ระบายสี
- - ตัด
- - ปะ
- - เย็บ
- - เรียง
- - เท
- - แยกออกไป
- - ประกอบเข้า
- - ร้อย
- - วาง
- - ตอก
- - ถอดออก
·
เน้นให้เด็กได้ทำกิจกรรมศิลปะหลากหลายด้วยมือของตนเอง
- - สร้าง จัดวาง สร้างสรรค์ ถ่ายทอดความคิดออกมาโดยใช้สื่อต่างๆ เช่น
ทราย น้ำ แท่งไม้
- - เข้าร่วมการแสดง เช่น เต้น รำ เล่นละคร เล่าเรื่อง ท่องบทกวี
- - จัดประสบการณ์ศิลปะจากวัฒนธรรมท้องถิ่น
·
เน้นให้เวลาเพียงพอในการลองทำ
และการทำซ้ำ เมื่อผ่านการลงมือทำจนเพียงพอแล้ว
สมองจะเริ่มสร้างความเข้าใจโลกเบื้องต้นขึ้นมาด้วยตัวเอง
แนวทางพัฒนาอารมณ์และจิตใจ
- สำหรับเด็กอนุบาล
อารมณ์เป็นปฏิกิริยาที่เด็กแสดงออกมาเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับโลก
- การพัฒนาอารมณ์และจิตใจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ที่จะจูงให้เกิดขึ้น การขัดเกลาอารมณ์ต้องอาศัยความประทับใจ ความดีใจ
ความเสียใจ และความเห็นอกเห็นใจ ที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางเหตุการณ์
- เน้นให้เด็กฟังนิทาน
เรื่องเล่า เรื่องจริงที่น่าจดจำและสะเทือนใจ เช่น นิทานอีสป นิทานไทย
นิทานจากตำนาน นิทานชาดก เรื่องตลก
- เน้นนำเด็กเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
ในชุมชน เพื่อให้เด็กชื่นชมประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และตำนานของท้องถิ่น
- เน้นให้เด็กได้เขียนภาพ
ดูงานศิลปะ และท่องเที่ยว หรือชื่นชมและสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม
- เน้นให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมศาสนา
การกุศล ประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นที่สวยงาม
แนวทางพัฒนากระบวนการคิด
- เริ่มต้นที่การให้เด็กจับต้อง
สัมผัส และมีประสบการณ์ตรง สมองเรียนรู้ได้ดี ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า
ก่อรูปเป็นวงจรการคิด
- เน้นให้เด็กฝึกคิด
การฝึกให้เด็กคิด ไม่ใช่การฝึกโดยใช้แบบฝึกหัดบนกระดาษ แต่ต้องนำเด็กเข้าสู่กระบวนการคิดโดยเข้าไปอยู่ในสถานการณ์จำลองต่างๆ
เช่น ให้เด็กแสดงบทบาทสมมติ ให้เด็กทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดและตัดสินใจ
·
เน้นการลงมือปฏิบัติผ่านกิจกรรมอันหลากหลาย
เพื่อสำรวจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้
- - สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
- - สิ่งต่างๆ เคลื่อนที่อย่างไร เพราะอะไรจึงเคลื่อนที่
- - สิ่งต่างๆ อาจจำแนกออกเป็นประเภท/กลุ่มอะไรบ้าง
ตามความเข้าใจของตนเอง
- - พัฒนาความเข้าใจเรื่องมิติโดยลองจัดกลุ่มรวมเข้า แยกออก
มองวัตถุด้วยแว่นขยาย
- - พัฒนามุมมองโดยดูภาพ 2 มิติ แผนผัง สร้างวัตถุ
3 มิติ เช่น ต่อบล็อก ปั้นดินเหนียว ดินน้ำมัน
- - สังเกตความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- - ฝึกพูด เขียน โดยใช้คำศัพท์ และคำนิยาม
·
เน้นฝึกให้เด็กตั้งประเด็นคำถาม
และหัดใช้ความคิด รับรู้ว่าการคิดนำไปสู่การตอบคำถามที่สมองสงสัย เช่น
- - สิ่งนี้คืออะไร
- - มีไว้ทำไม
- - ถ้าไม่มีจะใช้อะไรแทนได้บ้าง
- - สิ่งนี้มาจากไหน
- - ใครสร้างขึ้นมา
- - สิ่งนี้ต่างกับสิ่งนั้นอย่างไร
·
เน้นฝึกให้เด็กใช้คำศัพท์
เพื่อทบทวนชุดความเข้าใจในประสบการณ์ที่ได้มา
- - ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ
- - ร้อน เย็น อุณหภูมิ
- - นับ บวก ลบ
ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้
สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้
- สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้
ถือเป็น ปัจจัยสำคัญยิ่งในการพัฒนาสมองเด็ก ห้องเรียน พื้นที่กลางแจ้ง
พื้นที่ในร่ม ธรรมชาติแวดล้อม การประสานกันระหว่างครอบครัว โรงเรียน ชุมชน
การประสานกันระหว่าง ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน
- การจัดการเรียนรู้ตามหลัก Brain-Based
Learning นี้ให้ความสำคัญกับการประสานกันระหว่าง ครอบครัว
โรงเรียน และชุมชน
การวัดและประเมินพัฒนาการ
- ประเมินพัฒนาการเด็กอย่างสม่ำเสมอ
- มีแบบบันทึกการประเมินที่มีมาตรฐาน การประเมินเป็นไปเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ
💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣
Ø ทบทวนมาตรฐานการศึกษาของเด็กปฐมวัย
👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫
Ø อาจารย์ให้ทำงานกลุ่ม 4-5 คน
เพื่อจัดทำแผนการเรียนรู้
สำหรับวันนี้ให้แยกหัวข้อต่างๆที่จะทำการสอน ในหน่วยต่างๆ
1. หน่วยตัวฉัน
2. หน่วยบ้านแสนรัก
3. หน่วยใต้ร่มเงาไม้
4. หน่วยสัมผัสทั้ง 5
5. หน่วยผีเสื้อ
6. หน่วยผลไม้เพื่อสุขภาพ
7. หน่วยอาหารดีมีคุณค่า
💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧
Evaluation
Self – ตั้งใจฟังและจดบันทึกสิ่งที่ได้เพิ่มเติม
Friends – เพื่อนที่นำเสนอตั้งใจนำเสนอและรับฟังคำแนะนำที่ดีจากผู้สอน รวมถึงเพื่อนร่วมห้องด้วย
Teacher – ให้ข้อแนะนำ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและเรียนรู้เพิ่มเติม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น