วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

LEANING RECORD 3

LEANING RECORD 3
Monday 29 January 2018 (08.30-11.30 am)



Learning content & Learn more 
Ø ทบทวนเนื้อหาที่เพื่อนนำเสนอ และย้ำ ซ้ำ ทวน เนื้อหาที่ให้เมื่อคาบที่ 1และ 2 
Ø การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงต่อการทำงานของสมอง

หลักการเรียนรู้ของสมอง

  • สมองเป็นอวัยวะ พิเศษ ของร่างกาย ต้องการทั้ง อาหารกาย และ อาหารใจในสัดส่วนที่ ถูกต้อง เหมาะสม ตลอดช่วงอายุ ตั้งแต่ อยู่ในครรภ์มารดา ถึง วัยชราสมองต้องการ อาหารใจทั้งใน การเจริญเติบโต การเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้/การทำงาน ให้เต็มที่
  • สมองเรียนรู้ได้ดีเมื่อมีความพร้อมครบทั้ง 3 ด้าน คือ
    1) ความพร้อมด้านอารมณ์...เด็กเล็กต้อง เปิดสมอง/limbic ก่อนทุกครั้ง 
    2) ความพร้อมด้านองค์ความรู้...ความรู้ยาก/สูง เกินสมองเด็ก 
    3) ความพร้อมด้านพัฒนาการของสมอง...สมองส่วนหน้ายังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
  • สมองเรียนรู้เต็มที่ เมื่อ สมองเปิด...limbic system เปิด วิธีการเปิดสมองทำได้หลายวิธี เช่น นั่งสมาธิ การเคลื่อนไหวประกอบบทเพลง ปรบมือเป็นจังหวะ เปิดโอกาสให้เด็กทำกิจกรรมที่ชอบ สนใจ เพลิดเพลิน สุข สนุก
  • องค์ความรู้ เดินทางเข้าสู่ สมองเด็กได้ หลายช่องทาง ในเวลาเดียวกัน...จากการ ได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส และ ความสุขใจ พอใจ เช่น เด็กทารกเรียนรู้เอกลักษณ์ของตัวแม่ได้ 6 ช่องทางพร้อมๆกันขณะที่กำลังดูดนมสมองเรียนรู้ จาก ของจริงไปหา สัญลักษณ์ และ จาก ง่าย ไปหา ยาก
  • ความเข้าใจที่เกิดจากการสัมผัสตรงทางตา ทางหู ผิวสัมผัสทางกาย การเคลื่อนไหว ทางจมูก ทางลิ้น และทางใจ สมองเรียนรู้ด้วย ความเข้าใจมากกว่า ความจำ
  • การเรียนรู้โดยไม่ตั้งใจ ในทารก และเด็กเล็ก จะเป็นไปได้ง่าย รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ ละเอียด ลึกซึ้ง กว้างขวาง มากกว่าเมื่อเด็กถูกบังคับให้เรียน ในเด็กเล็กช่องทางสำหรับการเรียนรู้มีเพียง 1 ช่องทาง เท่านั้น คือแบบไม่ตั้งใจ เพราะสมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่บังคับให้เรียนรู้ยังเจริญเติบโต ไม่เต็มที่ .การเรียนรู้ในเด็กเล็ก จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดสมอง/เปิดลิมบิก ก่อนเริ่มต้นเข้าสู่บทเรียนทุกครั้งสมองเรียนรู้ได้ 2 แบบ ..คือ ไม่ตั้งใจ เมื่อ สมองเปิด/ลิมบิกเปิด และ ตั้งใจ เมื่อถูกบังคับ โดยพ่อแม่ ครู ผู้ปกครอง
  • การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กที่ดีต้องให้เด็กได้เรียนรู้ครบทั้ง 6 ช่องทาง ถ้าไม่ได้ทั้ง 6 ช่องทาง ได้เพียง 5, 4 หรือ 3 ช่องทาง ยังดีกว่า 1 หรือ 2 passive learning คือ การเรียนรู้ที่เด็กนั่งฟังแต่ครูบรรยาย active learning คือ การเรียนรู้ที่เด็กได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ลองผิด ลองถูก...ได้พูด ได้ขีดเขียน ได้ปั้น ได้แปะ ได้เคลื่อนไหว ได้สัมผัส ได้ดมกลิ่น ได้ลิ้มรส สมองเรียนได้ดีจาก active learning มากกว่า passive learning
  • BBL คือ การสร้าง การฝึกสมอง ให้สมองเรียนรู้การแก้ปัญหาได้ถูกต้อง แม่นยำ เหมาะสม ทุกช่วงวัยของการเรียนรู้ และสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในวิชาชีพได้จริง ในอนาคตการเรียนรู้การแก้ปัญหาในเด็กเล็กต้องเริ่มจากปัญหาง่ายๆ ที่เด็กเล็กคนนั้นสามารถทำได้ก่อนทุกครั้งที่เด็กสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ก็มีอาหารใจเกิดขึ้น มีการหลั่งสารแห่งความสุข ...endorphin ออกมา เด็กก็จะมี พลังจิต พลังปัญญา ที่อยากจะแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อนมากยิ่งขึ้นๆ

สมองวัยอนุบาล

สมองมีระยะพัฒนาการต่างๆ กันในแต่ละวัย หลักสูตรที่เหมาะกับแต่ละวัย ต้องสอดคล้องกับความต้องการของสมองระยะนั้น
  • สมองของเด็กวัยอนุบาล ส่วนรับสัมผัส และส่วนเคลื่อนไหว กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ การจัดการเรียนรู้หรือการจัดประสบการณ์จึงเน้นเรื่องการพัฒนาระบบการเคลื่อนไหว และระบบสัมผัส ในตารางกิจกรรมจึงจัดช่วงเวลาพัฒนาการของร่างกายไว้อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาทั้งสองระบบนี้
  • สมองของเด็กในวัยอนุบาล การติดต่อส่งผ่านข้อมูลต่างๆ ในสมองเป็นไปอย่างรวดเร็ว สมองซีกซ้าย, สมองซีกขวา, สมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว และสมองส่วนควบคุมความรู้สึก ข้อมูลนำเข้าต่างๆ จะกระตุ้นให้สมองใช้ประโยชน์จากความเร็วนี้

แนวทางจัดการเรียนรู้ตามพัฒนาการ

แนวทางพัฒนาร่างกายและการเคลื่อนไหว
  • เน้นให้เด็กฝึกเคลื่อนไหวร่างกายโดยใช้ทักษะเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ เดิน วิ่ง กระโดด คลาน ปีน โยก เด้ง
  • เน้นให้เด็กฝึกเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมอุปกรณ์ เช่น เชือก ลูกบอล
  • เน้นให้เด็กฝึกการใช้สมดุลของร่างกาย งอตัว ยืดตัว บิดตัว
  • เน้นให้เด็กพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อละเอียด เล่นอุปกรณ์ของเล่นที่พัฒนาระบบสัมผัส เช่น ร้อยลูกปัด บล็อก
  • เน้นให้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นสนาม และเล่นของเล่นหรืออุปกรณ์ต่างๆ
  • เน้นให้เด็กฝึกบรรจุ เท แยกชิ้นส่วน ประกอบเข้า เล่นน้ำ เช่น เทน้ำลงภาชนะรูปทรงต่างๆ
แนวทางพัฒนาภาษา
·         พัฒนาผ่านการ
    • - อ่านให้ฟัง
    • - อ่านด้วยกัน
    • - อ่านเอง
·         เน้นให้เด็กพัฒนาทักษะการใช้คำพูดเพื่อสื่อสาร
    • - พูดแสดงความรู้สึก
    • - แสดงความคิดเห็น
    • - เล่าเรื่องราวที่พบเห็นมา
    • - เล่าสิ่งที่คิด
    • - เล่านิทาน
·         เน้นจัดกิจกรรมให้เด็กเล่นกับเรื่องราวและภาษา
    • - ต่อคำสัมผัสกลอน
    • - ท่องบทร้องเล่น
    • - เล่นกับคำที่สนุก ตลก และไม่จำเป็นต้องมีความหมาย
    • - เล่นละคร
·         เน้นให้เด็กได้ฝึกเขียนตัวหนังสือและข้อความ เมื่อเด็กพร้อม
    • - เขียนอิสระ
    • - เขียนสิ่งที่คิด
    • - เขียนคำที่อยากเขียน
    • - เขียนตามนิทานที่ชอบ
·         เน้นใช้บทเพลงและเรื่องเล่าของท้องถิ่น เป็นสิ่งกระตุ้นให้เด็กสนใจพัฒนาภาษาของตนเอง
แนวทางพัฒนาด้านศิลปะ
  • ศิลปะ คือ การคิดและจินตนาการออกมาเป็นภาพ
  • เปิดโอกาสให้สมองลองจินตนาการ ว่า ถ้าเอาสิ่งนี้รวมกับสิ่งนั้น หรือสิ่งโน้น จะเกิดอะไรขึ้น หรือ ถ้าทำแบบนี้ผลจะออกมาเป็นแบบไหน
·         ให้เด็กลองนำสิ่งที่สมองคิดอยู่ข้างใน ถ่ายทอดออกมาด้วยมือ ให้ตามองเห็นว่านี่ใช่สิ่งที่คิดหรือไม่ ถ้ามือทำงานแบบหนึ่ง ผลจะออกมาอย่างไร ผ่านการ
    • - วาด
    • - ปั้น
    • - เป่าสี
    • - ระบายสี
    • - ตัด
    • - ปะ
    • - เย็บ
    • - เรียง
    • - เท
    • - แยกออกไป
    • - ประกอบเข้า
    • - ร้อย
    • - วาง
    • - ตอก
    • - ถอดออก
·         เน้นให้เด็กได้ทำกิจกรรมศิลปะหลากหลายด้วยมือของตนเอง
    • - สร้าง จัดวาง สร้างสรรค์ ถ่ายทอดความคิดออกมาโดยใช้สื่อต่างๆ เช่น ทราย น้ำ แท่งไม้
    • - เข้าร่วมการแสดง เช่น เต้น รำ เล่นละคร เล่าเรื่อง ท่องบทกวี
    • - จัดประสบการณ์ศิลปะจากวัฒนธรรมท้องถิ่น
·         เน้นให้เวลาเพียงพอในการลองทำ และการทำซ้ำ เมื่อผ่านการลงมือทำจนเพียงพอแล้ว สมองจะเริ่มสร้างความเข้าใจโลกเบื้องต้นขึ้นมาด้วยตัวเอง
แนวทางพัฒนาอารมณ์และจิตใจ
  • สำหรับเด็กอนุบาล อารมณ์เป็นปฏิกิริยาที่เด็กแสดงออกมาเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับโลก
  • การพัฒนาอารมณ์และจิตใจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะจูงให้เกิดขึ้น การขัดเกลาอารมณ์ต้องอาศัยความประทับใจ ความดีใจ ความเสียใจ และความเห็นอกเห็นใจ ที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางเหตุการณ์
  • เน้นให้เด็กฟังนิทาน เรื่องเล่า เรื่องจริงที่น่าจดจำและสะเทือนใจ เช่น นิทานอีสป นิทานไทย นิทานจากตำนาน นิทานชาดก เรื่องตลก
  • เน้นนำเด็กเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในชุมชน เพื่อให้เด็กชื่นชมประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และตำนานของท้องถิ่น
  • เน้นให้เด็กได้เขียนภาพ ดูงานศิลปะ และท่องเที่ยว หรือชื่นชมและสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม
  • เน้นให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมศาสนา การกุศล ประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นที่สวยงาม
แนวทางพัฒนากระบวนการคิด
  • เริ่มต้นที่การให้เด็กจับต้อง สัมผัส และมีประสบการณ์ตรง สมองเรียนรู้ได้ดี ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ก่อรูปเป็นวงจรการคิด
  • เน้นให้เด็กฝึกคิด การฝึกให้เด็กคิด ไม่ใช่การฝึกโดยใช้แบบฝึกหัดบนกระดาษ แต่ต้องนำเด็กเข้าสู่กระบวนการคิดโดยเข้าไปอยู่ในสถานการณ์จำลองต่างๆ เช่น ให้เด็กแสดงบทบาทสมมติ ให้เด็กทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดและตัดสินใจ
·         เน้นการลงมือปฏิบัติผ่านกิจกรรมอันหลากหลาย เพื่อสำรวจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้
    • - สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
    • - สิ่งต่างๆ เคลื่อนที่อย่างไร เพราะอะไรจึงเคลื่อนที่
    • - สิ่งต่างๆ อาจจำแนกออกเป็นประเภท/กลุ่มอะไรบ้าง ตามความเข้าใจของตนเอง
    • - พัฒนาความเข้าใจเรื่องมิติโดยลองจัดกลุ่มรวมเข้า แยกออก มองวัตถุด้วยแว่นขยาย
    • - พัฒนามุมมองโดยดูภาพ 2 มิติ แผนผัง สร้างวัตถุ 3 มิติ เช่น ต่อบล็อก ปั้นดินเหนียว ดินน้ำมัน
    • - สังเกตความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    • - ฝึกพูด เขียน โดยใช้คำศัพท์ และคำนิยาม
·         เน้นฝึกให้เด็กตั้งประเด็นคำถาม และหัดใช้ความคิด รับรู้ว่าการคิดนำไปสู่การตอบคำถามที่สมองสงสัย เช่น
    • - สิ่งนี้คืออะไร
    • - มีไว้ทำไม
    • - ถ้าไม่มีจะใช้อะไรแทนได้บ้าง
    • - สิ่งนี้มาจากไหน
    • - ใครสร้างขึ้นมา
    • - สิ่งนี้ต่างกับสิ่งนั้นอย่างไร
·         เน้นฝึกให้เด็กใช้คำศัพท์ เพื่อทบทวนชุดความเข้าใจในประสบการณ์ที่ได้มา
    • - ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ
    • - ร้อน เย็น อุณหภูมิ
    • - นับ บวก ลบ

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้

สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้
  • สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ ถือเป็น ปัจจัยสำคัญยิ่งในการพัฒนาสมองเด็ก ห้องเรียน พื้นที่กลางแจ้ง พื้นที่ในร่ม ธรรมชาติแวดล้อม การประสานกันระหว่างครอบครัว โรงเรียน ชุมชน
การประสานกันระหว่าง ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน
  • การจัดการเรียนรู้ตามหลัก Brain-Based Learning นี้ให้ความสำคัญกับการประสานกันระหว่าง ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน
การวัดและประเมินพัฒนาการ
  • ประเมินพัฒนาการเด็กอย่างสม่ำเสมอ
  • มีแบบบันทึกการประเมินที่มีมาตรฐาน การประเมินเป็นไปเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ
💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣💣
Ø ทบทวนมาตรฐานการศึกษาของเด็กปฐมวัย


      👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫👫
Ø อาจารย์ให้ทำงานกลุ่ม 4-5 คน เพื่อจัดทำแผนการเรียนรู้
สำหรับวันนี้ให้แยกหัวข้อต่างๆที่จะทำการสอน ในหน่วยต่างๆ
1.       หน่วยตัวฉัน
2.       หน่วยบ้านแสนรัก
3.       หน่วยใต้ร่มเงาไม้
4.       หน่วยสัมผัสทั้ง 5
5.       หน่วยผีเสื้อ
6.       หน่วยผลไม้เพื่อสุขภาพ
7.       หน่วยอาหารดีมีคุณค่า
💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧💧
Evaluation 

Self – ตั้งใจฟังและจดบันทึกสิ่งที่ได้เพิ่มเติม
Friends – เพื่อนที่นำเสนอตั้งใจนำเสนอและรับฟังคำแนะนำที่ดีจากผู้สอน รวมถึงเพื่อนร่วมห้องด้วย
Teacher – ให้ข้อแนะนำ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและเรียนรู้เพิ่มเติม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น