วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

LEANING RECORD 11


LEANING RECORD 11
Monday 26 March 2018 (08.30-11.30 am)

Learning Content & Learn More
Ø สอนตามที่ได้รับมอบหมายในกิจกรรมเสริมประสบการณ์ของวันอังคาร

กลุ่มที่ 3 สัมผัสทั้ง 5

เรื่อง ลักษณะของประสาทสัมผัสทั้ง 5
สาระที่ควรเรียนรู้ – ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีลักษณะที่แตกต่างกัน
ขั้นนำ – นำด้วยเพลง “สัมผัสทั้ง 5”

รู้รสต้องชิมด้วยลิ้น
จมูกดมกลิ่นชื่นใจจริงเอย
หูฟังเสียงเพราะจังเลย (ซ้ำ)
หายไปไหนเอ่ยใช้ตาหาดู
สิ่งของก็ต้องลองคลำ
สองมือขยำไม่ลองไม่รู้
ใช้สัมผัสทั้ง 5 ดู
ตาลิ้นจมูกหู มือคลำมือคลำ
ขั้นสอน – เพื่อนแยกอวัยวะสัมผัสทั้ง 5 ต่อวัน วันพุธสอนในส่วนของจมูก คือการดมกลิ่น เพื่อนำสื่อมา 2 กล่อง และให้ส่งต่อไป ให้เด็กๆดมกลิ่นที่อยู่ในกล่อง โดยให้ทายว่าเป็นกลิ่นอะไร ละแจกสติ๊กเกอร์รูปจมูกให้เด็ก มีทั้งหมด 2 รูป คือ รูปจมูกที่ดีและมีกากบาททับจมูก ซึ่งนั่นหมายความถึงกลิ่นเหม็น
        จากนั้นให้เด็กออกไปติดว่ากล่องใดเหม็น กล่องใดหอม โดยแทนสัญลักษณ์ด้วยรูปจมูกที่แจกให้ และสรุปกิจกรรม

ขั้นสรุป – สรุปว่ากลิ่งใดเหม็นและหอม เฉลยว่ามันคืออะไร
ข้อเสนอแนะจากผู้สอน
-การเขียนสาระควรเรียนรู้ควรชัดเจนในเนื้อหาที่จะสอน จะต้องเจาะจงกับสิ่งที่เตรียมมา
-การใช้เพลง จะต้องสอดคล้องกับเนื้อหาที่จะสอนวันนี้ วันนี้สอนจมูกก็พูดแต่เรื่องของจมูก ไม่ต้องพูดโดยรวมทั้งหมด
-การที่ให้เด็กดมกลิ่นควรมีความปลอดภัย เพราะถ้าหากเด็กแพ้ จะเป็นอันตราย
-เทคนิคการดมกลิ่น เราให้เด็กดมจากกล่องเลยไม่ได้ ต้องให้เด็กใช้มือพัด เพื่อให้ได้กลิ่นไอของมันเท่านั้น
-สามารถเปรียบเทียบได้มากกว่านี้
-นำคณิตศาสตร์มาบูรณาการกับการกำกับจำนวน



กลุ่มที่ 4 อาหารดีมีคุณค่า

เรื่องลักษณะของมะเขือเทศ
สาระที่ควรเรียนรู้ – อาหารแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน

ขั้นนำ – คำคล้องจอง
“อาหารของเรา ต้องเอาใจใส่
กินผักผลไม้      กินไข่กินนม
กินเนื้อกินปลา   แทนยาขมขม
กินข้าวกินนม    อบรมเรื่องกิน”
ขั้นสอน – ดูลักษณะของมะเขือเทศ และบันทึกข้อมูลในตาราง
ขั้นสรุป – สนทนากิจกรรม
ข้อเสนอแนะจากผู้สอน
-การแต่งคำคล้องจองควรสอดคล้องกับเรื่อง สั้นๆได้ใจความ เพื่อเปิดกิจกรรม
-การเปรียบเทียบจะต้องมีสองอย่างขึ้นไป อย่างเดียวไม่ได้
-การใช้มะเขือเทศไม่สอดคล้องกับหน่วยอาหาร ควรจะเป็นอาหารมาเลยเป็นเมนู หรือเนื้ออะไรก็ได้ หากใช้มะเขือเทศจะอยู่ในส่วนของผักและผลไม้



กลุ่มที่ 5 ผีเสื้อ

เรื่อง ลักษณะของผีเสื้อ
สาระที่ควรเรียนรู้ – ผีเสื้อแตะละประเภทมีความแตกต่างกัน เช่น ผีเสื้อกลางวันและผีเสื้อกลางคืน

ขั้นนำ – ร้องเพลง ตาดูหูฟัง
“เรามีตาไว้ดู
เรามีหูไว้ฟัง
คุณครูท่านสอน ท่านสั่ง
ต้องตั้งใจฟัง ต้องตั้งใจดู”
ขั้นสอน – ดูรูปภาพและสังเกตลักษณะของผีเสื้อหนอนใบรักและผีเสื้อลายเสือ จากนั้นวิเคราะห์ของมูลลงในตาราง โดยมีหัวข้อ คือ สี รูปทรง ขนาด ส่วนประกอบ
ขั้นสรุป – ใช้ตารางเปรียบเทียบความเหมือนต่าง แวนไดอะแกรม ทบทวนและสรุปอีกครั้งว่า ผีเสื้อทั้งสองตัว มีลักษณะที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ข้อเสนอแนะจากผู้สอน
-เกณฑ์ของการจัดผีเสื้อควรมีแคเกณฑ์เดียว คือ ผีเสื้อกลางวัน ละไม่ใช่ผีเสื้อกลางวัน เรียกว่าผีเสื้อกลางคืน
-ควรหารูปภาพที่ชัดเจน ใหญ่และง่ายต้อการมองเพื่อใช้ในการสังเกตภาพ



กลุ่มที่ 6 บ้านแสนรัก

เรื่อง ลักษณะของบ้าน
สาระที่ควรเรียนรู้ – บ้านแต่ละประเภทแตกต่างกัน บ้านอิฐทำมาจากปูน บ้านไม้ทำมากจากไม้ และบ้านฟางทำมาจากฟาง เป็นต้น
ขั้นนำ – นิทานเรื่องลูกหมูสามตัว เทคนิค – เล่าไปวาดไป

ขั้นสอน – ให้ดูรูปภาพของบ้านอิฐหรือปูน บ้านไม้ และบ้านฟาง และวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ คือ วัสดุที่ใช้สร้าง รูปทรง ส่วนประกอบ
ขั้นสรุป – ใช้ตารางเปรียบเทียบความเหมือน-ต่าง แวนไดอะแกรม สรุปอีกทีเรื่องบ้านและความแข็งแรง
ข้อเสนอแนะจากผู้สอน
-ถ้าเป็นลูกหมูสามตัวควรเพิ่มเรื่องของระยะเวลาในการสร้างด้วยและเปรียบเทียบการใช้เวลาสร้างมากที่สุด น้อยที่สุด และขั้นกว่า
-การใช้รูปภาพที่ชัดเจน


วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

LEANING RECORD 10


LEANING RECORD 10
Monday 19 March 2018 (08.30-11.30 am)

Learning Content & Learn More

Ø สอนตามที่ได้รับมอบหมายในกิจกรรมเสริมประสบการณ์
กลุ่มที่ 1 ใต้ร่มเงาไม้
เรื่อง ลักษณะของต้นไม้
สาระที่ควรเรียนรู้ – ลักษณะของต้นไม้ มีลักษณะที่เหมือนและแตกต่างกัน เช่น สี ขนาด ผิว   เป็นต้น
ขั้นนำ – ใช้ภาพจิ๊กซอว์ โดยร้องเพลง “หลับตา” และแจกภาพ

หลับตาเสียอ่อนเพลียทั้งวัน
นอนหลับแล้วฝันเห็นเทวดา
มาร่ายมารำงามขำโสภา
พอตื่นขึ้นมาเทวดาไม่มี พอตื่นขึ้นชนมาเทวดาไม่มี
ขั้นสอน – ให้สังเกตภาพต้นมะม่วงกับต้นเข็ม และบันทึกในตารางลักษณะของต้นไม้ทั้งสอง สี รูปทรง ขนาด ส่วนประกอบ
ขั้นสรุป – ตารางเปรียบเทียบความเหมือน-ต่าง แวนไดอะแกรม
ข้อเสนอแนะจากผู้สอน
- การร้องเพลงที่ให้ตรงช่วงจังหวะและทำนอง
-การใช้รูปภาพควรมีความชัดเจน ไม่ให้มองได้หลากหลาย เช่นในเรื่องของรูปทรง
-การเรื่องลำดับหัวข้อเปรียบเทียบ ส่วนประกอบจะอยู่หัวข้อสุดท้าย
-การเพิ่มเติมในเรื่องของภาษาธรรมชาติ

กลุ่มที่ 2 ผลไม้
เรื่อง ลักษณะของผลไม้
สาระที่ควรเรียนรู้ – ผลไม้แต่ละชนิด มีความแตกต่างกัน
ขั้นนำ – คำคล้องจอง

“ฝรั่ง มังคุด ละมุด พุทรา
อีกทั้งน้อยหน่า หนูจ๋าน่าทาน
ลำไย แตงโม ผลโตรสหวาน
น่ารับประทาน หอมหวานชวนชม”
ขั้นสอน – นำตัวอย่างของส้มและองุ่นมาให้สังเกตและบันทึกลงตารางบันทึกลักษณะ โดยมีหัวข้อดังนี้ สี รูปทรง ผิว(เปลือก) กลิ่น รสชาติ ส่วนประกอบ
ขั้นสรุป – ตางรางเปรียบเทียบความเหมือน-ต่าง แวนไดอะแกรม
ข้อเสนอแนะจากผู้สอน
-ส่วนประกอบจะต้องมี
-การทำตารางการเขียนให้เรียบร้อยและวางแผนมาแล้ว
-การใส่สีหรือสัญลักษณ์ไปด้วยกันกับคำเขียน


วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

LEANING RECORD 9


LEANING RECORD 9
Monday 12 March 2018 (08.30-11.30 am)



***ขาดเรียน***
Learn More
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะมีความสำคัญและความเป็นมาอย่างไร?
       ธรรมชาติของเด็กปฐมวัยจะเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อใช้พลังกายและถ่ายพลังที่มีอยู่ล้นเหลือออกมา แต่ในขณะเดียวกันร่างกายและจิตใจของเด็กจะสมบูรณ์จากการเคลื่อนไหว ดังนั้น กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะจึงได้รับการจัดเป็นกิจกรรมหลักเพื่อพัฒนาเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น เพื่อให้เด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีผลต่อการพัฒนาการเด็ก ดังนั้นการใช้กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะจึงมีผลทำให้เด็กเรียนรู้ร่างกายของตนว่า การใช้ร่าง กายแต่ละส่วนอย่างไร ซึ่งมีความหมายต่อเด็กมาก เด็กจะมีโอกาสได้ประเมินความสามารถของตนเอง ทำให้เด็กได้คิด ได้ตัดสินใจว่าจะเคลื่อนไหวแบบใด อย่างไร อีกทั้ง การเคลื่อนไหวไปพร้อมเพื่อนอย่างมีความหมาย จะทำให้เด็กเรียนรู้การปฏิบัติต่อกัน ทำให้เด็กเกิดความมั่นใจทั้งเป็นการลดอัตตา (Ego) ไปสู่การมีเหตุผลและคุณธรรม (superego) เด็กได้รับการฝึกการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ บุคลิก ขอบเขตรอบตัวด้วยการใช้เสียงเพลง ดนตรีทำให้เด็กเรียนรู้จังหวะ และเกิดจินตนาการ ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะไว้เป็นกิจกรรมหลักในตารางกิจกรรมประจำวันที่เด็กจะต้องได้รับการส่งเสริม
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะมีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยอย่างไร?
·         การเคลื่อนไหวจะช่วยให้สายตาของเด็กมีพัฒนาการ รู้ช่องว่างระหว่างบุคคลและสิ่งของ
·         เด็กต้องการเดิน วิ่ง หรือกลิ้ง การกระทำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกลไกของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ของร่างกาย
·         การเคลื่อนไหวจะช่วยให้เด็กรับรู้ภาพที่ปรากฏ แยกออกระหว่างวัตถุกับตัวเด็ก รวมทั้งการกะระยะใกล้-ไกลของตัวเด็กกับวัตถุ
·         ความสามารถของการควบคุมและการประเมินตนเองเกี่ยวกับระยะ น้ำหนัก แรง ความเร็ว ความเร่ง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวที่เด็กควรตระหนักรู้
·         ความสามารถในการจำแนกเสียงต่างๆ ในสิ่งแวดล้อมและวัตถุในสิ่งแวดล้อมว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร และเด็กเองควรจะตอบสนองอย่างไร อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการตระหนักในการฟัง
·         กลไกการรับรู้จะได้รับการพัฒนา เด็กจะมีความสามารถในการนำเอาการรับรู้สิ่งเร้าด้วยการฟังและการสังเกตมาแสดงออกทางการเคลื่อนไหว
·         เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันของรูปร่าง และเด็กที่แตกต่างกันในแต่ละอายุจะมีขนาดและรูปร่างต่างกัน ดังนั้นเด็กจะเรียนรู้ตนเองและสมรรถนะตนเองต่างกัน
ครูจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะให้ลูกที่โรงเรียนอย่างไร?
      กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกาย กระ ทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดลักษณะของการจัดกิจกรรม ดังนี้
1.       เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ที่มีรูปแบบของการเคลื่อนไหวดังนี้
o    การเคลื่อนไหวพื้นฐาน ได้แก่ การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่
o    การเลียนแบบ เช่น ท่าทางสัตว์ ท่าทางคน เครื่องยนต์กลไก และเครื่องเล่น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ
o    การเคลื่อนไหวตามบทเพลง เช่น การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางประกอบเพลง
o    การทำท่าทางกายบริหารประกอบเพลง เช่น การทำท่าทางกายบริหารตามจังหวะและทำนองเพลง หรือคำคล้องจอง
o    การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ เช่น การเคลื่อนไหวที่ให้เด็กคิดสร้างสรรค์ท่าทางขึ้นเอง อาจชี้นำด้วยการป้อนคำถาม เคลื่อนไหวโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น ห่วงหวาย แถบผ้า ริบบิ้น ถุงทราย
o    การเล่นหรือการแสดงท่าทางตามคำบรรยายเรื่องราว เช่น การเคลื่อนไหวหรือแสดงท่าทางตามจินตนาการจากเรื่องราวหรือคำบรรยายที่ครูเล่า
o    การปฏิบัติตามคำสั่งและข้อตกลง เช่น การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางตามสัญญาหรือคำสั่งตามที่ได้ตกลงไว้ก่อนเริ่มกิจกรรม
o    การฝึกทำท่าทางเป็นผู้นำ-ผู้ตาม เช่น การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางจากความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเอง แล้วให้เพื่อนปฏิบัติตาม
2.       ใช้เพลง เครื่องดนตรีประกอบการเคลื่อนไหว คำคล้องจอง
3.       ส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ประสานสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ด้วยการใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สู่การเคลื่อนไหวลักษณะต่างๆ คือ เคลื่อนช้า ได้แก่ คืบ-คลาน เคลื่อนเร็ว เช่น วิ่ง เคลื่อนนุ่มนวล เช่น การบิน การไหว้ เคลื่อนไหวขึงขัง เช่น การกระทืบเท้าดังๆ ตีกลองดังๆ การเคลื่อนไหวแสดงท่าทางร่าเริงมีความสุข เช่น การตบมือตามจังหวะ และการเคลื่อนไหวแสดงความเศร้าโศก เสียใจ เช่น แสดงสีหน้า ท่าทาง เป็นต้น
4.       การเคลื่อนไหวแสดงทิศทาง เช่น ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา เคลื่อนตัวขึ้น-ลง เคลื่อนไหวรอบทิศ


อ้างอิง http://taamkru.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B0/

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

LEANING RECORD 8


LEANING RECORD 8
Monday 5 March 2018 (08.30-11.30 am)

Learning Content & Learn More

Ø หลักสูตรปฐมวัย 60
http://www.kruthai.info/wp-content/uploads/2017/08/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A260.pdf
Ø ทบทวนความรู้
      อาจารย์ทบทวนสิ่งที่เรียนรู้มาในคาบก่อนหน้านี้ เพื่อให้จดจำมากขึ้น และได้ทบทวนเรื่อง สาระที่ควรเรียนรู้ของเด็ก ประสบการณ์สำคัญ เพื่อนำมาสู่การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ โดยแผนประจำวันจะแบ่งให้สมาชิกทุกคน คนละ 1 วัน
Ø STEM Education
      (STEM Education) คือ แนวทางการศึกษาที่ได้บูรณาการความรู้ระหว่างศาสตร์วิชาต่างๆเช่น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์  ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ความรู้ทางด้านวิศวกรรม และความรู้ด้านคณิตศาสตร์  รวมเข้าด้วยกัน
- Science เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ ในธรรมชาติ โดยอาศัยกระบวนการสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry)
-Technology เป็นวิชาที่ว่าด้วยกระบวนการทำงานที่มีการประยุกต์ศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มาใช้ในการแก้ปัญหา ปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการ หรือความจำเป็นของมนุษย์
-Engineering เป็นวิชาที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อมาอำนวยความสะดวกของมนุษย์ โดยอาศัยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และกระบวนการทางเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ชิ้นงานนั้นๆ
-Mathematics เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณ หรือ วิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณ เป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาและต่อยอดทางวิศวกรรมศาสตร์

จุดเริ่มต้นของแนวคิด (STEM EDUCATION)
        เนื่องจากว่าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประสบปัญหาเรื่อง ผลการทดสอบ PISA ของสหรัฐอเมริกา ที่ต่ำกว่าหลายประเทศ และส่งผลต่อขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิศวกรรม ดังนั้นรัฐบาลจึงมีนโยบาย ส่งเสริมการศึกษาโดยพัฒนา STEM Education ขึ้นมา เพื่อหวังว่าจะช่วยยกระดับผลการทดสอบ PISA (Program for International Student Assessment) และ TIMSS การทดสอบด้านคณิตวิทยาศาสตร์ระดับสากล (Trends in International Mathematics and Science Study)ให้สูงขึ้น และจะเป็นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (21st Century skills) เช่น
1.   ด้านปัญญา ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหา
2.   ด้านทักษะการคิด ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการคิด โดยเฉพาะการคิดขั้นสูง เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ
3.   ด้านคุณลักษณะ ผู้เรียนสามารถมีทักษะการทำงานกลุ่มทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ